Last updated: 4 พ.ย. 2562 | 877 จำนวนผู้เข้าชม |
อยู่ในวงการบันเทิงมาสักพัก แต่เชื่อว่ายังมีบางกลุ่มที่ยังไม่รู้ว่าพระเอกหนุ่มหน้าตี๋ เจมส์ มาร์ ที่นอกจากมีหน้าตาหล่อเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งมือด้านการแสดงยังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แต่จริงๆ แล้วเจ้าตัวคือทายาทของนักธุรกิจพันล้าน โดยมีคุณพ่อสมิต อัศรัสกร เป็นเจ้าของนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี
ซึ่งล่าสุดพอมีโอกาสได้เจอ เจมส์ มาร์ เจ้าตัวจึงได้ออกมาเผยให้ฟังว่า ชื่อและนามสกุลจริงๆ ของตนคือ เจมส์ อัศรัสกร แต่เนื่องจากต้องเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงจึงอยากได้ชื่อและนามสกุลที่คนจำง่าย จึงขออนุญาตใช้นามสกุลจีนของคุณพ่อ อีกอย่างตนก็ไม่อยากให้นามสกุลในการทำงานของตัวเองไปกระทบธุรกิจของครอบครัว พร้อมถ่อมตัวบอกต่อว่าครอบครัวตนเป็นครอบครัวใหญ่ ตนเป็นเพียงแค่หลานคนหนึ่งในตระกูลที่ไม่ได้ร่ำรวย
ใกล้จะวันเกิดแล้ว 25 ปีบริบูรณ์ โบราณถือเรื่องเบญจเพสเรากลัวไหม ?
“ไม่ถึงกับกลัวแต่ก็ไม่ลบหลู่ ผมพยายามคิดว่าช่วงเบญจเพสเป็นช่วงที่ทุกคนจะต้องเจอไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าปีนี้ของผมจะออกมาในรูปแบบไหนก็ตามผมก็จะใช้ชีวิตอย่างระวังให้มากที่สุด แล้วก็ใช้ชีวิตระวังให้มากที่สุดไปตลอดชีวิต ไม่ได้คิดว่าปีนี้เบญจเพสต้องทำทุกอย่างให้มันแตกต่างไปจากปีก่อนๆ ผมจะทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม แตกต่างคือถ้ามีผู้ใหญ่ทักไปแก้เคล็ดวัดนี้ ไปทำนั่นทำนี่ ถวายสังฆทานมากขึ้นเราก็คงทำแหละครับ ผมรู้สึกว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้เราได้รู้เรื่องเบญจเพส มันจะทำให้เราได้เรียนรู้และเตือนตัวเองนิดหนึ่งว่าให้ใช้ชีวิตระวังเพราะส่วนใหญ่อายุ 25 ปี มันกำลังย่างก้าวจากวัยรุ่นไปเป็นวัยผู้ใหญ่ ก็อาจจะมีการใช้ชีวิตที่ไม่ลงตัวอยู่”
เคยคุยกับคนอื่นไหมว่าเบญจเพสเขาเจออะไรกันมาบ้าง ?
“ไม่เคยคุยเลยครับ ผมไม่ได้เอาเรื่องนี้มาคิดมาก"
เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับเราไหม ?
“ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะมีหลายเหตุการณ์ของหลายๆ ท่าน ที่เคยได้ยินมาบ้างว่าช่วงเบญจเพสบางท่านก็ประสบความสำเร็จ บางท่านก็อาจจะเจออุบัติเหตุ ถ้ามีผู้ใหญ่ท่านไหนมาทักผมให้ผมไปทำบุญ ให้ดูแลตัวเอง ผมคิดว่าการที่ทำกันไว้มันก็ดีกว่ามาแก้เอาทีหลัง”
ปกติช่วงวันเกิดเราใช้เวลาทำอะไร ?
“วันเกิดผมถ้าไม่ทำงานครึ่งวัน ก็จะทำบุญกับที่บ้านก่อน แล้วก็ทำงานช่วงบ่าย กลางคืนก็มากินข้าวกับที่บ้าน ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าวันธรรมดา อาจจะมีก็คือต้องพบปะกับแฟนคลับนิดหนึ่ง ขอบคุณทุกคนที่มาอวยพรวันเกิดเราไปให้ทั่วถึงมากที่สุดไม่ว่าจะเพื่อนตอนสมัยเรียน ทีมงานทุกๆ คนในอินสตาแกรมก็ขอบคุณทุกคนครับ อย่างปีนี้ก็คงจะเหมือนๆ ปีที่ผ่านๆ มา เช้าทำบุญ ทำงานเสร็จก็กินข้าวกับพ่อแม่”
มีของขวัญพิเศษให้ตัวเองไหม ?
“ยังไม่ได้คิดเลย ยังไม่มีครับ เพราะคิดว่าตอนนี้ในชีวิตที่เรามีก็ค่อนข้างพอเพียงแล้วก็ครบสำหรับดูแลชีวิตตัวเองได้แล้วครับ”
หวังจะมีคนดีๆ สักคนเข้ามาในชีวิตบ้างไหม ?
“อันนั้นขอทุกวันอยู่แล้ว ขอให้มีเพื่อน พี่น้องดีๆ เข้ามาในชีวิต จะได้อยู่เป็นเพื่อนกันนานๆ ถ้าเราจะมีความรักทั้งทีก็อยากให้มีความรักที่ดี เราคงไม่อยากรีบร้อนกับเรื่องตรงนี้ ถ้ารีบร้อนแล้วเกิดผิดพลาดไปก็มีแต่ความเสียใจ ผมเองรู้สึกกลัวว่าจะเจอความรักที่ไม่ดีนะ ถ้าเรายังไม่พร้อมที่จะเจอแล้วเราไปเร่งจะทำให้ความรักครั้งนั้นไม่ดี เรารอก็ได้ เราอยู่คนเดียวก็ได้ เล่นกับแมวไปก่อนก็ได้ ด้วยนิสัยผมเองเป็นคนที่กลัวความผิดหวัง กลัวทำให้คนรอบข้างผิดหวังด้วย เป็นคนที่คิดเยอะเรื่องนี้มากๆ อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทุกวันนี้ยังโสดอยู่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่เราจะเก็บมาคิดทุกคืนนะครับ เป็นเรื่องที่นานๆจะคิดที ก็ยังเชื่อว่าสิ่งที่ทำอยู่โอเคเพราะเรายังมีความสุขอยู่”
มีคนว่าจริงๆ แล้วครอบครัวเราเป็นมหาเศรษฐี ?
“(หัวเราะ) ไม่ใช่หรอกครับ โอเคหลายท่านอาจจะพอทราบเรื่องนามสกุลของผมบ้าง สาเหตุที่ผมไม่ได้ใช้นามสกุลนี้ในการเข้าวงการบันเทิงเพราะตอนที่เข้าช่อง 3 การที่ไปเจอพี่เอ การที่นักแสดงคนหนึ่งจะมีชื่อที่ทุกคนเรียกแล้วจำได้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ส่วนใหญ่ทุกคนจะมีชื่อเล่นกับชื่อจริง บังเอิญชื่อจริงของผมคือเจมส์ เรามีชื่อแล้วก็นามสกุลเลย พี่เอเลยถามว่านามสกุลจีนของพ่อคืออะไร เพราะฝั่งพ่อท่านเป็นคนจีน ก็เลยบอกว่ามาร์ เขาก็เลยใช้ชื่อนี้ในวงการบันเทิง”
คนมาถามเรื่องนี้เยอะไหม ?
“นี่คือครั้งแรกครับ ผมอยู่มา 5 ปี ไม่มีใครถามผมเรื่องนามสกุลของผมเลย คือที่บ้านผมเป็นครอบครัวใหญ่ ได้ปรึกษากับพี่บ้าน พี่เอก็ได้คุยกับที่บ้านขออนุญาตใช้ชื่อนี้ ด้วยเราจะไปทำอะไรก็ตามเราก็ไม่อยากให้ไปกระทบกับธุรกิจที่บ้าน ครอบครัวผมเป็นครอบครัวใหญ่มากๆ ผมก็เหมือนเป็นหลานของที่บ้านคนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย
หลายคนโฟกัสว่าเป็นทายาทเจ้าของธุรกิจหลายอย่างเลย ?
“อันนั้นก็มีส่วนที่ครอบครัวทำ แต่ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ผมทำงานด้วยตัวเอง หาทุกอย่างสร้างชีวิตด้วยตัวเอง ส่วนที่บ้านเราก็โชคดีที่เราได้เกิดมาอยู่ในครอบครัวที่ใหญ่ มีพี่น้องเยอะ นอกเหนือจากนั้นเราก็เป็นแค่หลานคนหนึ่ง”
พ่อทำธุรกิจจริงไหม ?
“จริงครับ แต่ผมไม่ได้เกี่ยวข้อง ผมก็เป็นผมอย่างนี้มา 5 ปีแล้วครับ”
ขอขอบคุณ
ภาพ :james_jamesma
8 มี.ค. 2567