Last updated: 3 ก.พ. 2566 | 157 จำนวนผู้เข้าชม |
"แอสเซทไวส์" ประเดิมศักราชใหม่ปี 66 เดินหน้าเปิด 12 โครงการใหม่ ทั้งแนวสูงและบาลานซ์ด้วยพอร์ตแนวราบ สร้างความหลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 22,500 ล้านบาท ชู 3 กุญแจสำคัญ "Continue/Connect /Contribute" รุกโปรดักต์ครอบคลุมแนวสูงและแนวราบ สร้างการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมจับมือพันธมิตรขยายอาณาจักรอสังหาฯ เสริมแกร่งด้วยการบุกธุรกิจใหม่รองรับไลฟ์สไตล์ตอบแทนสิ่งที่ดีสู่สังคม เพื่อการเติบโตที่มันคงและยั่งยืน สู่การเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจอสังหาฯที่สร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำของประเทศ ตั้งเป้ารับรู้รายได้ 7,200 ล้านบาท และพร้อมโกยยอดขายปีนี้กว่า15,000 ล้านบาท
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์
จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ ภายใต้แนวคิด "ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ"หรือ "We Build Happiness" เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 นี้จะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา ทั้งจากเศรษฐกิจที่กำลังจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนหลังจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ และนโยบายการกระตุ้นอลังหาฯ ของภาครัฐที่ยังคงดำเนินการต่อเนื่องในปี 2566 ซึ่งจะส่งผลดีต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในปีนี้ รวมถึงเทรนด์การอยู่อาศัยที่มีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้สอดคล้องกับสังคมในปัจจุบัน ทั้งการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
"จากปัจจัยบวกเหล่านี้แอสเซทไวส์ มองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการคว้าโอกาสขยายธุรกิจเชิงรุก ด้วยการใช้จุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญการพัฒนาอสังหาริมหรัพย์ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย เพื่ออยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี
อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ 3 กุญแจสำคัญในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนได้แก่
1.Continue: บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุดตั้งแต่บริษัทได้ดำเนินธุรกิจมา จำนวน 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 22,500 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนคอนโดมิเนียมฯ 70% และโครงการแนวราบ 30% แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เคฟ (Kave), แบรนด์แอทโมซ (Atmoz) และแบรนด์โมดิซ (Modiz) จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 15,830 ล้านบาท และโครงการบ้าน 3 โครงการ มูลค่ารวม 6,670 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ ดิ จอเนอร์ (The Honor) และ แบรนด์แนวราบน้องใหม่กับ แบรนด์ดิ อาร์เบอร์ (The Arbor) เพื่อเปิดประสบการณ์ที่อยู่อาศัยที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ เตรียมขยาย
กลุ่มลูกค้าได้หลากหลายครอบคลุมทุกเซักเมนต์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้บริษัทฯ วางเป้าหมายการเติบโตของยอดขายที่ระดับ 15,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารับรู้รายได้ในปีนี้ที่ 1,200 ล้านบาท
2.Connect : แอสเซทไวส์ยังมุ่งสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่ เพื่อเติมเต็มพอร์ตให้แข็งแกร่งครอบคลุมทั้งกรุงเทพ และต่างจังหวัด โดยล่าสุดเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ร่วมทุน กับบริษัท โบทานิก้า ลักชูรี ภูเก็ต จำกัด
ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในจังหวัดภูเก็ต ในโครงการโบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว (BOTANICA Grand Avenue) ซึ่งเป็นพูลวิลล่าระดับลักชัวรี่ที่ดีที่สุดบนหาดบางเทา จังหวัดภูเก็ต เพื่อรุกขยายพอร์ตแนวราบระดับลักชัวรี มูลค่าโครงการกว่า10,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังผนึกกำลังบริษัทพันธมิตรในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมต่าง ๆ พร้อมส่งสัญญาณบวกในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง อาทิ บริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของญี่ปุ่น ในการพัฒนาโครงการ
แอทโมซ บางนา (AImoz Bangna) มูลค่าโครงการกว่า 2,200 ล้านบาท และโครงการเคฟ ซี้ด เกษตs (Kave Seed Kaset) มูลค่าโครงการกว่า 1,350 ล้านบาท และเพิ่มความแข็งแกร่งให้พอตอสังหาฯ โดยร่วมทุนกับบริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ จำกัด (Tokyo Tatemomo) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทคญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมานานกว่าหนึ่งศตวรรษเพื่อพัฒนาโครงการแอทโมช โอเอชิส อ่อนนุช (Atmoz Oasis onnut) มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท และยังจับมือกับ บริษัท ไอดีล เรียล จำกัด ในโครงการเคฟ มิวแทนท์ ศาลายา (Kave Mutant Salaya) มูลค่โครงการ 1,200 ล้านบาท
ไม่เพียงแต่ขยายอาณาจักรธุรกิจอสังหาฯ เท่านั้น บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ในด้านไลฟ์สไตล์ เพื่อต่อยอด และกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้น 41.18% ในบริษัท แซ็ป เวิลด์ เอ็นเตอร์
เทนเม้นท์ จำกัด หรือ ZAAP World ผู้ดำเนินธุรกิจ Lifeslye &Entertanment ครบวงจร ตอกย้ำการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่เป็นผู้นำด้านไลสไตล์ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์ สู่การเป็นแบรนด์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครบทุกมิติทั้งทางด้านเทคโนโลยี การสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ และคุณภาพชีวิต ภายใต้แนวคิด "ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ" หรือ"We Build Happiness"
อีกทั้งยังได้สร้าง Community ของคนรุ่นใหม่ ด้วยการเปิด MONSTR Club แพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมความบันเทิงที่คนรุ่นใหม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างมากมาย อาทิ "MONSTR Concert
Festival" คอนเสิร์ตที่จะยกทัพศิลปินชั้นนำ หมุนไปสร้างความสุข สนุกสุดมันส์ ที่โครงการ Kave ในทำเลต่าง ๆ ของแอสเซทไวส์, การจัดแข่งขันกีฬา E- Sport, กิจกรรม Mingle Cover Dance Contest, กิจกราม Mingle Cosplay Contest และล่าสุดกับเวทีการประกวด "MONSTR Music Awards @Minge" รวมหัว รัวคนตรี ที่เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ตลอดจน นิสิต นักศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีได้เข้าร่วมประกวดวงดนตรีอย่างเต็มที่ เพื่อเฟันหาสุดยอดวงดนตรีเยาวชนหน้าใหม่
3. Contribute: แอสเซทไวส์ยังเดินหน้าทำธุรกิจเพื่อให้เกิดความยั่งยืนควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด "GrowGreen" โดยเริ่มต้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 เพื่อสร้าง Ecosystem ที่เกื้อหนุนให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งในแง่ของการพักอาศัย สิ่งแวดล้อมและสังคม ผ่าน 5 แกนหลักสำคัญได้แก่ Energy Efficiency, Waste Management. Green Space, Clean Air และ Water Management ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ "แยก Binกัน"รณรงค์การแยกขยะที่เริ่มดำเนินการและเห็นผลเป็นรูปรรรมอย่างต่อเนื่อง, การติดตั้งแผงโซลาร์บนชั้นดาดฟ้า (Solar
Rooftop) ที่โครงการที่พักอาศัยและคอมมูนิตี้มอลล์ในเครือ และโครงการ "ASSETWISE PLANT for the PLANET" กับการทำภารกิจกู้โลก ร่วมกันปลูกต้นไม้ให้ได้ 433 ตัน/คน เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยเพิ่มออกซิเจนพร้อมเป้าหมายที่จะชวนทุกคนมาสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อช่วยโลกและทำให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนได้อย่างยั่งยืน
รามถึงเดินหน้าสร้างสรรค์สังคมแห่งการแบ่งปัน จากทั้งผู้บริหาร พนักงาน บริษัทพันธมิตร และลูกบ้านของแอสเซทไวส์ทุกคน ผ่านโครงการ PUNN By Asset Wise ด้วยการจัดกิจกรรม "หนึ่งหยดโลหิต...ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์" อย่างต่อเนื่อง เพื่อรณรงค์การบริจาคเลือดต่อชีวิตให้กับเพื่อนมนุษย์ อีกทั้งยังปันน้ำใจสูสังคมด้วยการมอบสิ่งของเพื่อช่วยเหลือสังคมและผู้ขาดแคลน และจากที่แอลเซทไวส์ได้ดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งเวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลนั้น ส่งให้บริษัทได้รับการคัดเลือกได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี
2565 ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย"
ทั้งนี้จากภาพรวมปี 2565 ที่ผ่านมา แอสเซทไวส์ได้พัฒนาโครงการต่าง ๆ ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าโดยเฉพาะการขยายตลาด Campus Condo ภายใต้แบรนด์เคฟ (Kave) ที่เปิดโครงการมาแล้วกว่า 9 โครงการ มูลค่า
โครงการรวมกว่า 14,700 ล้านบาท และสร้างปรากฎการณ์การตอบรับอยางล้นหลามจากลูกค้าภายหลังการเปิดตัว โดย ณลิ้นปี 2565 บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการรวม ทั้งสิ้น 47 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 49,900 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 34 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 13 โครงการปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 12,936 ล้านบาท
"ในปีนี้ถือว่าเป็นอีกปีที่มีความท้าทายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การเปิดโครงการใหม่ หรือการขยายพอร์ตธุรกิจให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น สำหรับเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งของบริษัท เพื่อผลักดันให้เราก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำของธุรกิจ
อสังหาฯที่สร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ และต่อยอดให้ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทยด้วยเป้าหมายการรับรู้รายได้ 7,200 ล้านบาท และเป้าหมายยอดขายที่ 15,000 ล้านบาท ซึ่งเรามั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน"