Last updated: 1 ก.พ. 2566 | 445 จำนวนผู้เข้าชม |
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
"ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางเยือนกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เพื่อรื้อฟื้นการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) สภาหอการค้าฯ เห็นว่าการเจรจาดังกล่าวมีความสำคัญมาก หากประสบความสำเร็จจะทำให้เกิดประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย
หลังจากที่ประเทศไทยถูกตัดสิทธิ GSP ตั้งแต่ปี 2558 ทำให้การค้า การลงทุนของไทยในอียูเติบโตไม่มากนัก เนื่องจากสูญเสียความสามารถในการแข่งขันทางการค้า ซึ่งหากการเจรจาครั้งนี้บรรลุข้อตกลง และประสบความสำเร็จ จะทำให้การค้า การลงทุนของทั้ง 2 ประเทศขยายตัวอย่างมาก
สินค้าส่งออกของไทยมีโอกาสขยายตลาดการส่งออกไปยังตลาดอียูมากขึ้น อาทิ สินค้าเกษตรและอาหารซึ่งเป็นธุรกิจหลักของไทยหรือ “ครัวของโลก” ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องนุ่มห่มและสิ่งทอ เคมีภัณฑ์ พลาสติก
นักลงทุนไทยมีโอกาสเข้าไปลงทุนในอียูมากขึ้น อาทิ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ค้าปลีก เกษตรและอาหาร ในขณะเดียวกัน สามารถดึงดูดนักลงทุนอียูเข้ามาลงทุนในไทยได้มากขึ้น อาทิ การขนส่งทางทะเล การเงินการประกันภัย ธุรกิจพลังงานสะอาด การศึกษา และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ในด้าน GDP ของไทย หากการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-อียู ประสบความสำเร็จ คาดว่าจะขยายตัวในระยะยาว 1.28% คิดเป็นมูลค่า 2.05 แสนล้านบาทต่อปี การส่งออกของไทยไปอียู เพิ่มขึ้น 2.83% หรือ 2.16 แสนล้านบาทต่อปี และการนำเข้าจากอียูเพิ่มขึ้น 2.81% หรือ 2.09 แสนล้านบาทต่อปี
ดร.ชนินทร์ ชลิศราพงศ์ ประธานคณะกรรมการเจรจาความตกลงการค้าระหว่างประเทศสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
"ในกรณีการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-อียู อาจจะมีบางหน่วยงาน ที่มีข้อกังวล ในประเด็นต่างๆ อาทิ ทรัพย์สินทางปัญญา มาตรการคุ้มครองพันธุ์พืช UPOV1991 มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและแรงงาน แต่อย่างไรก็ตาม หน่วยงานเหล่านี้สามารถเข้ามามีส่วนร่วมและเสนอข้อคิดเห็นตั้งแต่ก่อนการเจรจาและในระหว่างการเจรจาได้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศอย่างไรก็ตาม สภาหอการค้าฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้การเจรจาประสบความสำเร็จ ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดในสหภาพยุโรป ส่งเสริมเทคโนโลยีและ know-how ต่างๆ ทำให้การค้าและการลงทุน ของทั้ง 2 ฝ่ายขยายตัวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเปิดให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทย จึงขอเชิญชวนอียูเข้ามาลงทุนด้วยเช่นกัน"