จาก "ยางพาราผง" ผงาดเป็น "ผ้าเบรกรถยนต์ทรงประสิทธิภาพ เพื่อลดการสึกหรอ"นวตกรรมเด่น จากนักวิจัยจุฬาฯ

Last updated: 19 ส.ค. 2565  |  301 จำนวนผู้เข้าชม  | 

จาก "ยางพาราผง" ผงาดเป็น "ผ้าเบรกรถยนต์ทรงประสิทธิภาพ เพื่อลดการสึกหรอ"นวตกรรมเด่น จากนักวิจัยจุฬาฯ

ถึงคิวที่พระเอกอย่างยางพาราจะเป็นมากกว่าการขายเพื่อไปแปรรูปในภาคอุตสาหกรรม เมื่อนักวิจัยได้ใช้นวตกรรมคิดค้นเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ไอเดียสร้างสรรค์ ที่เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น ด้วยนวัตกรรมยางพาราผง ที่นำไปผลิตเป็นชิ้นส่วนผ้าเบรกรถยนต์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม


ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นองค์กรสำคัญของภาครัฐในการขับเคลื่อนพัฒนาศักยภาพด้านการวิจัยและการประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง สร้างองค์ความรู้จากการวิจัยและสามารถนำมาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ และภาคอุตสาหกรรมในประเทศ เสริมสร้างกระบวนการผลิตอย่างครบวงจรโดยอาศัยเทคโนโลยี หนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร อาทิ พืชเศรษฐกิจอย่างยางพารา ด้วยคุณสมบัติความเหนียว ยืดหยุ่น แข็งแรงคงทนต่อทุกสภาวะ นำมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างงานวิจัยพัฒนายางพาราผงสำหรับใช้เป็นสารตัวเติมในการทำผ้าเบรกรถยนต์ ที่ทาง วช. ให้การสนับสนุนให้นักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดำเนินการเป็นผลสำเร็จและนำใช้ประโยชน์ได้จริง

ศาสตราจารย์ ดร.ศราวุธ ริมดุสิต อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ และบริษัท SCG โดยการสนับสนุนจาก วช. ในการพัฒนาอนุภาคยางพาราผงละเอียดยิ่งยวด ด้วยการกราฟต์โคพอลิเมอไรเซชั่นสไตรีนอะคริโลไนไตล์ลงบนน้ำยางธรรมชาติผ่านกระบวนการอิมัลชั่นพอลิเมอร์ไรเซชั่น และนำไปผ่านกระบวนการเชื่อมขวางด้วยลำอิเล็กตรอน เพื่อผลิตเป็นอนุภาคยางพาราผงธรรมชาติละเอียดยิ่งยวดด้วยกระบวนการอบแห้งและพ่นฝอย โดยในปฏิกิริยากราฟต์โคพอลิเมอร์ไรเซชั่นด้วยสไตรีนและอะคริโลไนไตรล์สูงอยู่ที่ 71 % และมีประสิทธิภาพในการทำกราฟต์โคพอลิเมอไรเซชั่นสูงถึง 63% ด้วยอนุภาคยางพาราผงละเอียดยิ่งยวดมีลักษณะไม่เหนียวติดกันหรือเกาะกลุ่ม สามารถปรับสภาพขั้วบนพื้นผิวให้เหมาะสมกับการนำไปผสมกับวัสดุอื่น และมีขนาดโดยเฉลี่ย 3.56 um รวมถึงมีคุณสมบัติทางความร้อนสูง ซึ่งเหมาะแก่การนำไปประยุกต์ใช้เป็นสารตัวเติมในวัสดุเสียดทานชนิดพอลิเบนซอกซาซีนคอมพอสิทที่ จากการประเมินสมบัติทางไทรโบโลยีพบว่าชิ้นงานมีค่าสัมประสิทธิ์ความเสียดทานและอัตราการสึกหรอ อยู่ในช่วงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมผ้าเบรกสำหรับยานยนต์ มาตรฐานเลขที่ มอก. 97-2557 กำหนด ทดแทนยางสังเคราะห์ได้ ซึ่งนับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยางธรรมชาติ


สำหรับต้นทุนการผลิตอนุภาคยางพาราขนาดละเอียดคิดเป็น 140 บาทต่อกิโลกรัม ต้นทุนการผลิตวัสดุเสียดทานชนิดพอลิเบนซอกซาซีนคอมพอสิทที่มีการเติมอนุภาคยางผงละเอียดยิ่งยวดที่ถูกปรับปรุงคุณสมบัติด้วยกราฟต์โคพอลิเมอไรเซชั่นด้วยสไตรีนและอะคริโลไนไตรส์ คิดเป็น 60 – 75 ต่อชิ้น จากองค์ความรู้ของนวัตกรรมผ้าเบรกจากยางพาราผงนี้ จะมีการขยายผลพัฒนาต่อยอดเสริมศักยภาพในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงเป็นการช่วยส่งเสริมเกษตรกรชาวสวนยางพาราให้ได้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์แปรรูปนี้มากยิ่งขึ้น

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้